วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ทาวน์โฮม 2 ชั้น ดีไซน์โมเดิร์น เอาใจคนเมือง
คงจะดีไม่น้อยหากทุกคนมีบ้านที่ตรงตามสเปคของตัวเองทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริงก็ไม่สามารถทำอย่างที่ใจต้องการได้ อย่างเช่น หากต้องการบ้านใกล้ที่ทำงาน เดินทางง่าย หรือรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ก็อาจมีแค่บ้านหลังเล็กขนาดกะทัดรัด พื้นที่ขนาดจำกัด เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้หลายคนคงถอดใจหาทำเลใหม่ไปแล้ว แต่สำหรับ Linebox กลับทำให้ทุกอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์โมเดิร์น พร้อมกับปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองด้วย
ภายใต้บ้านทรงสี่เหลี่ยม ขนาดพื้นที่ประมาณ 223 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน โดยบริเวณชั้นล่างด้านซ้ายของ หน้าบ้านเป็นโรงรถ ส่วนฝั่งขวาแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าวกับห้องครัว ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยใช้ไอส์แลนด์คั่นตรงกลางระหว่าง 3 ห้องนี้ และมีการกั้นสัดส่วนด้วยสวนหย่อมขนาดเล็กสไตล์เซน ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางออก และเมื่อเดินผ่านบันไดไม้เนื้อแข็งสีดำขึ้นมาก็จะพบกับ 2 ห้องนอน ที่มีทั้งห้องเสื้อผ้าและห้องน้ำในตัว พร้อมทั้งเติมบ้านให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ด้วยมุมพักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า ที่ให้บรรยากาศเหมือนกับกำลังนั่งอยู่ในสวนเลยทีเดียว
ส่วนการตกแต่งของบ้านก็ใช้คอนเซ็ปต์เดียวกันทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยการนำความทันสมัยกับธรรมชาติมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เห็นได้จากผนังปูนเปลือยบุไม้บางส่วน เช่นเดียวกับภายใน แต่แตกต่างกันตรงที่ผนังด้านในเป็นสีขาว ส่วนพื้นบ้านก็ใช้พื้นไม้ทั้งหมด พร้อมกับกระจายตำแหน่งของหน้าต่างกระจกใสออกไปตามมุมต่าง ๆ เพื่อให้เพิ่มระดับความสว่าง และช่วยให้บ้านดูกว้างขวางยิ่งขึ้น แถมยังได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ นอกจากจะสงบเงียบ เป็นส่วนตัวแล้ว ยังสะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองดีจริง ๆ เลย
ภายใต้บ้านทรงสี่เหลี่ยม ขนาดพื้นที่ประมาณ 223 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน โดยบริเวณชั้นล่างด้านซ้ายของ หน้าบ้านเป็นโรงรถ ส่วนฝั่งขวาแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าวกับห้องครัว ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยใช้ไอส์แลนด์คั่นตรงกลางระหว่าง 3 ห้องนี้ และมีการกั้นสัดส่วนด้วยสวนหย่อมขนาดเล็กสไตล์เซน ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางออก และเมื่อเดินผ่านบันไดไม้เนื้อแข็งสีดำขึ้นมาก็จะพบกับ 2 ห้องนอน ที่มีทั้งห้องเสื้อผ้าและห้องน้ำในตัว พร้อมทั้งเติมบ้านให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ด้วยมุมพักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า ที่ให้บรรยากาศเหมือนกับกำลังนั่งอยู่ในสวนเลยทีเดียว
ส่วนการตกแต่งของบ้านก็ใช้คอนเซ็ปต์เดียวกันทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยการนำความทันสมัยกับธรรมชาติมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เห็นได้จากผนังปูนเปลือยบุไม้บางส่วน เช่นเดียวกับภายใน แต่แตกต่างกันตรงที่ผนังด้านในเป็นสีขาว ส่วนพื้นบ้านก็ใช้พื้นไม้ทั้งหมด พร้อมกับกระจายตำแหน่งของหน้าต่างกระจกใสออกไปตามมุมต่าง ๆ เพื่อให้เพิ่มระดับความสว่าง และช่วยให้บ้านดูกว้างขวางยิ่งขึ้น แถมยังได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ นอกจากจะสงบเงียบ เป็นส่วนตัวแล้ว ยังสะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองดีจริง ๆ เลย
ไอเดียเพิ่มความกุ๊กกิ๊กให้ห้องน้ำ ด้วยพรมน่ารัก ๆ
ถึงแม้ว่าห้องน้ำกับพรมมักจะไม่ค่อยได้ใช้งานร่วมกันเท่าไหร่นัก แต่รู้ไหมคะว่าพรม ก็เป็นของตกแต่งห้องน้ำที่น่ารักกุ๊กกิ๊กได้เหมือนกัน นอกจากจะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ห้องน้ำดูไม่น่าเบื่อแล้ว ยังช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกได้ด้วย ยิ่งถ้ามีพรมเช็ดเท้า พรมรองฝาชักโครก และรองเท้าสลิปเปอร์ ที่เข้าชุดกัน ก็คงจะยิ่งดูน่ารักเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยเชียวล่ะ เอาเป็นว่าถ้าอยากเพิ่มความน่ารักสดใสให้ห้องน้ำดูบ้าง ลองหาพรมกุ๊กกิ๊กแบบนี้มาตกแต่งดูนะคะ
ไม่ว่าจะเป็น พรมลายจุดที่ดูกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เคยเบื่อ หรือจะเป็นพรมลายวินเทจ, พรมลายดอกไม้หวาน ๆ ถ้าอยากให้เรียบง่ายหน่อยก็อาจจะเลือกใช้พรมสีขาว-ดำ หรือพรมสีพื้นก็ได้เช่นกัน ส่วนห้องน้ำเด็กลองเลือกพรมลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ดู รับรองว่าหนู ๆ จะต้องชอบแน่นอนค่ะ เอาเป็นว่าเราลองไปดูตัวอย่างพรมห้องน้ำเหล่านี้กันเลย
ไม่ว่าจะเป็น พรมลายจุดที่ดูกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เคยเบื่อ หรือจะเป็นพรมลายวินเทจ, พรมลายดอกไม้หวาน ๆ ถ้าอยากให้เรียบง่ายหน่อยก็อาจจะเลือกใช้พรมสีขาว-ดำ หรือพรมสีพื้นก็ได้เช่นกัน ส่วนห้องน้ำเด็กลองเลือกพรมลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ดู รับรองว่าหนู ๆ จะต้องชอบแน่นอนค่ะ เอาเป็นว่าเราลองไปดูตัวอย่างพรมห้องน้ำเหล่านี้กันเลย
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556
D.I.Y. ใยแมงมุมกลิตเตอร์ ของแต่งบ้านวันฮาโลวีน
วันฮาโลวีนปีนี้ หากอยากลองจัดบ้านให้เข้ากับบรรยากาศแบบหลอน ๆ สักหน่อย ก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน และถ้าคุณเองก็เตรียมของสำหรับตกแต่งบ้านไว้พร้อมแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าอยากจะเติมความน่ากลัวให้สมจริงอีกนิด ลองนำไอเดียทำใยแมงมุมจาก Centsational Girl ไปลองใช้ดู รับรองว่าบ้านของคุณจะได้บรรยากาศหลอนสมจริงเหมือนกับหลุดเข้าไปในบ้านผีสิงอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ ว่าแล้วก็ตามไปดูขั้นตอนการ D.I.Y. ใยแมงมุมที่ว่านี้กันดีกว่า
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษไข
- ปากกามาร์คเกอร์
- กาว (Craft Glue)
- กลิตเตอร์สีดำ
- กรรไกร สำหรับตัดกระดาษไข
- มีดตัดยางลบ หรือคัตเตอร์
วิธีทำ
D.I.Y. ใยแมงมุมกลิตเตอร์ ของแต่งบ้านวันฮาโลวีน
1. ใช้ปากกามาร์คเกอร์ วาดใยแมงมุมลงไปบนกระดาษไข จากนั้นให้นำกาวเทซ้ำลงไปเป็นเส้นเล็ก ๆ ทับลายเส้นของปากกามาร์คเกอร์อีกที หรือจะข้ามขั้นตอนการวาดปากกามาร์คเกอร์ แล้วใช้กาวลากเป็นลายเส้นใยแมงมุมเลยก็ได้ ส่วนขนาดของใยแมงมุมควรมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ 12-16 นิ้ว เนื่องจากชั้นกาวค่อนข้างบาง ดังนั้นถ้าหากมีขนาดเล็กกว่านี้ ก็อาจจะฉีกขาดได้ง่าย หลังจากคุณยืดใยแมงมุมออกขณะกำลังนำไปตกแต่ง
D.I.Y. ใยแมงมุมกลิตเตอร์ ของแต่งบ้านวันฮาโลวีน
2. นำกลิตเตอร์สีดำ สีส้ม หรือสีอื่น ๆ ที่คุณเตรียมเอาไว้ มาโรยลงไปตามแนวกาวให้ทั่ว จากนั้นปล่อยให้กาวรูปใยแมงมุมที่โรยกลิตเตอร์แล้วทิ้งเอาไว้จนกระทั่งแห้งสนิท ซึ่งในขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง หรืออาจจะนานกว่านี้เล็กน้อย
D.I.Y. ใยแมงมุมกลิตเตอร์ ของแต่งบ้านวันฮาโลวีน
3. นำแผ่นรองตัดมารองด้านล่างกระดาษไข แล้วใช้มีดมีดตัดยางลบ หรือคัตเตอร์กรีดกระดาษไขที่อยู่ระหว่างเส้นใยแมงมุมกลิตเตอร์ออกมาทีละช่องจนกระทั่งครบทุกช่อง
D.I.Y. ใยแมงมุมกลิตเตอร์ ของแต่งบ้านวันฮาโลวีน
4. นำ ไปตกแต่งตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน อย่างเช่น มุมโต๊ะ ขอบตู้เก็บของ หรืออื่น ๆ ด้วยกาวสองหน้า สก็อตเทป หรือดินน้ำมัน แต่ทั้งนี้ถ้าไม่อยากให้มีคราบกาวหลงเหลืออยู่หลังจากที่แกะใยแมงมุมออกมา อาจจะเปลี่ยนมาใช้กาวดินน้ำมันก็ได้
แต่งคอนโดขนาด 30 ตร.ม. ให้สวยชิคแบบมัลติฟังก์ชั่น
จริง ๆ แล้วขนาดพื้นที่ของคอนโดอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ห้องของคุณไม่น่าอยู่ แต่อาจจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคนกับเทคนิคการจัดห้องเสียมากกว่า เพราะบางคนอาจจะเกิดความรู้สึกในแง่ลบกับพื้นที่แคบ หรือขาดการวางแผนที่ดีก็เป็นได้ อย่างเช่น คอนโดที่ออกแบบโดย BEP Architects ถึงแม้จะมีพื้นที่ใช้สอยภายในเพียง 30 ตร.ม. แต่พวกเขาก็ทำให้กลายเป็นสวรรค์ของครอบครัวขนาดเล็กของคนเมืองได้ไม่ยากเลย
ด้วยการออกแบบอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใคร โดยการหยิบยืมเทคนิคจากเฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นเข้ามาใช้ ดังนั้นถึงแม้ในสายตาของคนทั่วไปอาจจะมองว่า ห้องนี้เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา ๆ แต่ทว่าหากได้ลองเข้าไปสัมผัสดูสักครั้งแล้ว ก็จะลืมเรื่องความคับแคบของพื้นที่ขนาดเล็กไปเลย เพราะห้องและสิ่งของใช้สอยต่าง ๆ ได้ถูกแอบซ่อนเอาไว้ด้านหลังของผนัง รอเวลาให้เปิดพร้อมนำออกมาใช้เท่านั้น
ทั้งนี้หากมองตามแปลนห้องก็จะเห็นว่า ภายในประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำ แต่ทว่าเมื่อคุณเปิดบานประตูที่อยู่ด้านหลังห้องนั่งเล่นออกมา บริเวณดังกล่าวก็จะถูกเปลี่ยนเป็นห้องนอนทันที นอกจากนี้เมื่อคุณเก็บเตียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถดัดแปลงปลายเตียงให้เป็นโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารได้อีกด้วย
อีกทั้งห้องยังดูกว้างขวาง เบาสบาย โดยการตกแต่งที่เรียบง่าย ด้วยโทนสีกลาง ๆ อย่างเช่น ขาว ดำ เทา น้ำตาล และผิวปูนเปลือยแบบลอฟท์ แถมยังได้ของตกแต่งสีเหลือง แสงไฟนวลตา และบานกระจกใสขนาดใหญ่ ที่อยู่ด้านข้างห้องนั่งเล่น เข้ามาช่วยเติมความสดชื่น สดใส มีชีวิตชีวา พร้อมกับทำให้ห้องเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่สมาชิกในครอบครัวมอบให้แก่กัน ที่สำคัญยังทำให้รู้ว่าขนาดของพื้นที่ไม่ใช่อุปสรรคของการออกแบบด้วย
ด้วยการออกแบบอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใคร โดยการหยิบยืมเทคนิคจากเฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นเข้ามาใช้ ดังนั้นถึงแม้ในสายตาของคนทั่วไปอาจจะมองว่า ห้องนี้เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา ๆ แต่ทว่าหากได้ลองเข้าไปสัมผัสดูสักครั้งแล้ว ก็จะลืมเรื่องความคับแคบของพื้นที่ขนาดเล็กไปเลย เพราะห้องและสิ่งของใช้สอยต่าง ๆ ได้ถูกแอบซ่อนเอาไว้ด้านหลังของผนัง รอเวลาให้เปิดพร้อมนำออกมาใช้เท่านั้น
ทั้งนี้หากมองตามแปลนห้องก็จะเห็นว่า ภายในประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำ แต่ทว่าเมื่อคุณเปิดบานประตูที่อยู่ด้านหลังห้องนั่งเล่นออกมา บริเวณดังกล่าวก็จะถูกเปลี่ยนเป็นห้องนอนทันที นอกจากนี้เมื่อคุณเก็บเตียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถดัดแปลงปลายเตียงให้เป็นโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารได้อีกด้วย
อีกทั้งห้องยังดูกว้างขวาง เบาสบาย โดยการตกแต่งที่เรียบง่าย ด้วยโทนสีกลาง ๆ อย่างเช่น ขาว ดำ เทา น้ำตาล และผิวปูนเปลือยแบบลอฟท์ แถมยังได้ของตกแต่งสีเหลือง แสงไฟนวลตา และบานกระจกใสขนาดใหญ่ ที่อยู่ด้านข้างห้องนั่งเล่น เข้ามาช่วยเติมความสดชื่น สดใส มีชีวิตชีวา พร้อมกับทำให้ห้องเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่สมาชิกในครอบครัวมอบให้แก่กัน ที่สำคัญยังทำให้รู้ว่าขนาดของพื้นที่ไม่ใช่อุปสรรคของการออกแบบด้วย
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
แต่งบ้านสไตล์อเมริกัน เท่ไม่ซ้ำใคร
ประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีอำนาจและความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์ของสิทธิเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกา มีเสน่ห์เเป็นแบบอย่างที่ทำให้คนชื่นชมวัฒนธรรมอันโดดเด่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่การตกแต่งบ้านสไตล์อเมริกัน จะกลายมาเป็นธีมในฝันสำหรับใครหลาย ๆ คน จนส่งอิทธิพลมาถึงบ้านเราด้วย ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมเทคนิคการตกแต่งบ้านสไตล์อเมริกันมาฝาก เพื่อเอาใจคนรักการแต่งบ้านแนวนี้โดยเฉพาะ รับรองว่าบ้านของคุณจะมีกลิ่นอายแบบอเมริกันขึ้นมาได้แน่นอน ไม่เชื่อก็ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดูเลย
สีน้ำเงิน ขาว แดง
แน่นอนว่าสีที่ใช้เป็นธีมหลักสำหรับห้องของคุณคงเป็นสีไหนไปไม่ได้ นอกเสียจาก สีน้ำเงิน ขาว แดง ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำธงชาติสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้แค่ช่วยให้คุณได้บรรยากาศอเมริกันแบบที่ต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สีที่สดใสที่ตัดกันพวกนี้ยังทำให้ห้องดูสวย และโดดเด่นขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้ห้องโดดเด่นได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้ของตกแต่งมากมายเลยล่ะ
เติมความอบอุ่นด้วยสีอ่อน
แม้ว่าจะใช้สีน้ำเงิน ขาว แดง เป็นหลัก แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจำเป็นต้องจำกัดตัวเองแค่สีพวกนี้อย่างเดียวเสียหน่อย ลองเอาสีเบจมาแต่งเพิ่มจะช่วยให้ห้องดูไม่ฉูดฉาดเกินไป และดูอบอุ่นอ่อนโยนสบายตาขึ้นด้วย โดยคุณจะเลือกใช้เป็นพรมสีเบจหรือเอาของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างหมอนอิงก็ได้ อ้อ..ถ้าจะให้ดีลองเพิ่มของตกแต่งที่ช่วยทำให้บ้านสดชื่นขึ้น อย่างพวกไม้ประดับ ก็ยิ่งลงตัวนะคะ
เครื่องเรือนเก่านี่แหละดี
พวกเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ สไตล์ยุค 60s ซึ่งเป็นแนวคันทรีผสมเรโทรนั้น เป็นตัวแทนที่สื่อถึงความเป็นอเมริกันได้ดีเลยล่ะ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการตกแต่ง ตั้งแต่แฟชั่นเสื้อผ้าไปจนถึงของแต่งบ้านได้รับอิทธิพลจากสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก และหากคุณคิดว่าของพวกนี้จะหายากราคาแพงล่ะก็ผิดถนัด เพราะเพียงแค่มองหาตามร้านเฟอร์นิเจอร์มือสอง แล้วนำมาปรับปรุงใหม่อีกนิด ก็สามารถใช้ตกแต่งบ้านแนวนี้ได้แล้ว ทั้งประหยัด ทั้งไม่ซ้ำใคร จ้า
ของแต่งห้องสไตล์อเมริกัน
สุดท้ายแล้ว ห้องของคุณคงปราศจากกลิ่นอายแบบอเมริกันโดยสิ้นเชิง หากขาดของแต่งบ้านที่สื่อถึงความเป็นอเมริกันไป โดยเฉพาะลวดลายธงชาติอเมริกา ที่อาจมาในรูปแบบของภาพติดผนังหรือหมอนอิงก็ได้ ซึ่งเพียงแค่เอาของพวกนี้ใส่เข้าไปก็จะทำให้บ้านดูเป็นอเมริกันขึ้นมาแล้ว ทั้งนี้ถ้ากลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ การวาดหรือเพนท์ลายขึ้นมาเองก็เป็นไอเดียดี ๆ ที่ช่วยให้คุณได้โชว์ฝีมือไปในตัวด้วยเหมือนกันนะ
ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก คุณก็สามารถตกแต่งให้บ้านของตัวเองมีบรรยากาศแบบอเมริกันอย่างที่ต้องการได้ทั้งนั้น เพียงแค่ต้องรู้จักใช้เทคนิคให้ถูกวิธีเท่านั้นเอง ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาทริคเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ
แน่นอนว่าสีที่ใช้เป็นธีมหลักสำหรับห้องของคุณคงเป็นสีไหนไปไม่ได้ นอกเสียจาก สีน้ำเงิน ขาว แดง ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำธงชาติสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้แค่ช่วยให้คุณได้บรรยากาศอเมริกันแบบที่ต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สีที่สดใสที่ตัดกันพวกนี้ยังทำให้ห้องดูสวย และโดดเด่นขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้ห้องโดดเด่นได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้ของตกแต่งมากมายเลยล่ะ
แม้ว่าจะใช้สีน้ำเงิน ขาว แดง เป็นหลัก แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจำเป็นต้องจำกัดตัวเองแค่สีพวกนี้อย่างเดียวเสียหน่อย ลองเอาสีเบจมาแต่งเพิ่มจะช่วยให้ห้องดูไม่ฉูดฉาดเกินไป และดูอบอุ่นอ่อนโยนสบายตาขึ้นด้วย โดยคุณจะเลือกใช้เป็นพรมสีเบจหรือเอาของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างหมอนอิงก็ได้ อ้อ..ถ้าจะให้ดีลองเพิ่มของตกแต่งที่ช่วยทำให้บ้านสดชื่นขึ้น อย่างพวกไม้ประดับ ก็ยิ่งลงตัวนะคะ
พวกเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ สไตล์ยุค 60s ซึ่งเป็นแนวคันทรีผสมเรโทรนั้น เป็นตัวแทนที่สื่อถึงความเป็นอเมริกันได้ดีเลยล่ะ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการตกแต่ง ตั้งแต่แฟชั่นเสื้อผ้าไปจนถึงของแต่งบ้านได้รับอิทธิพลจากสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก และหากคุณคิดว่าของพวกนี้จะหายากราคาแพงล่ะก็ผิดถนัด เพราะเพียงแค่มองหาตามร้านเฟอร์นิเจอร์มือสอง แล้วนำมาปรับปรุงใหม่อีกนิด ก็สามารถใช้ตกแต่งบ้านแนวนี้ได้แล้ว ทั้งประหยัด ทั้งไม่ซ้ำใคร จ้า
สุดท้ายแล้ว ห้องของคุณคงปราศจากกลิ่นอายแบบอเมริกันโดยสิ้นเชิง หากขาดของแต่งบ้านที่สื่อถึงความเป็นอเมริกันไป โดยเฉพาะลวดลายธงชาติอเมริกา ที่อาจมาในรูปแบบของภาพติดผนังหรือหมอนอิงก็ได้ ซึ่งเพียงแค่เอาของพวกนี้ใส่เข้าไปก็จะทำให้บ้านดูเป็นอเมริกันขึ้นมาแล้ว ทั้งนี้ถ้ากลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ การวาดหรือเพนท์ลายขึ้นมาเองก็เป็นไอเดียดี ๆ ที่ช่วยให้คุณได้โชว์ฝีมือไปในตัวด้วยเหมือนกันนะ
ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก คุณก็สามารถตกแต่งให้บ้านของตัวเองมีบรรยากาศแบบอเมริกันอย่างที่ต้องการได้ทั้งนั้น เพียงแค่ต้องรู้จักใช้เทคนิคให้ถูกวิธีเท่านั้นเอง ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาทริคเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ
รู้หรือไม่? ไม้ประดับในบ้านอันตรายกว่าที่คิด
จริงอยู่ว่าการเอาไม้ประดับสวย ๆ มาตกแต่งในบ้าน จะช่วยให้บ้านดูสดชื่นร่มรื่นสบายตาขึ้น แต่บางทีไม้ประดับที่ดูสวยงามเหล่านั้นก็มาพร้อมอันตรายอย่างคาดไม่ถึงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ และสัตว์เลี้ยงของคุณ ดังนั้นก่อนจะเอาไม้ประดับที่คุณโปรดปรานมาใช้เป็นของแต่งบ้าน ก็ลองมาอ่านข้อเสียที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาฝากกันก่อนนะคะ
1. แมลงน่าขนลุก
ก่อนจะนำต้นไม้เข้ามาในบ้าน ต้องแน่ใจด้วยนะว่ามันมาพร้อมแค่ชีวิตเดียวที่คุณต้องการจริง ๆ ไม่ใช่มีแขกไม่ได้รับเชิญติดมาด้วย อย่างพวกแมลงน่าขนลุกจำพวกแมงมุมอะไรพวกนี้ ซึ่งไม้ประดับที่คุณเอาเข้ามาอาจมีแมลงเหล่านี้ติดอยู่ด้วย หรือเป็นตัวดึงดูดแมลงเข้ามาในบ้านภายหลังก็ได้ และคุณคงไม่อยากอยู่ร่วมกับพวกมันให้เกิดอันตรายหรอกจริงไหม?
2. พิษร้ายที่ซ่อนอยู่
ใครว่าดอกไม้สวยหวานน่าทะนุถนอมเหมือนกันหมด บางดอกแม้จะมีสีสันหน้าตางดงาม แต่อาจมาพร้อมพิษร้ายที่แฝงอยู่ก็ได้ ซึ่งแม้พิษของมันอาจไม่มากพอจะทำร้ายคุณให้เป็นอันตราย แต่ก็อาจทำร้ายลูกน้อยที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงได้เหมือนกัน โดยจากการวิจัยของ American Association of Poison Control Centers พบว่าแม้กระทั่งดอกไม้ที่ดูน่าทะนุถนอมอย่างอาซาเลียหรือกุหลาบพันปี รวมทั้งดอกไฮเดรนเยียก็มีพิษซ่อนอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ
3. อาการภูมิแพ้ทรุดลงกว่าเดิม
สำหรับบ้านที่มีคนเป็นโรคภูมิแพ้อาศัยอยู่ด้วย ยิ่งต้องระวังเรื่องการเอาไม้ประดับเข้ามาแต่งบ้านขึ้นไปอีก เพราะละอองจากเกสรดอกไม้พวกนี้จะไปเป็นตัวการทำให้โรคภูมิแพ้ยิ่งทรุดลง จนยิ่งทรมานเสียเปล่า ๆ แถมพืชบางชนิดยังทำให้คนผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคืองอย่างหนักได้อีกด้วย ทางที่ดีเอาไม้ประดับสวย ๆ พวกนี้ไว้นอกบ้านดีกว่านะ
4. บ่อเกิดของเชื้อรา
ต้นไม้ที่ถูกปลูกอยู่ในบ้านมักจะอับชื้น จากการที่ปลูกอยู่ในกระถางซึ่งไม่มีรูให้น้ำออก ผิดกับแบบที่ปลูกนอกบ้านซึ่งมีกระถางเจารูระบายน้ำลงพื้นดินไปได้เลย ต้นไม้ในบ้านจึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อราได้เป็นอย่างดี แถมหากรดน้ำมากเกินไปแล้วอบอยู่ในบ้าน ต้นไม้ก็อาจเป็นตัวการก่อกลิ่นเหม็นแทนที่จะสร้างความสดชื่นเสียด้วยซ้ำ
5. หนามแหลมคมจนทิ่มตำ
หลาย ๆ คนอาจนิยมปลูกกระบองเพชรเพราะเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ไม่จำเป็นต้องคอยดูแลเอาใจใส่มาก หรือดอกกุหลาบสวย ๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น แต่คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าต้นไม้จำพวกนี้ก็มาพร้อมกับอันตรายด้วยเหมือนกัน เพราะหนามแหลมคมของมันอาจทำให้บาดเจ็บได้ โดยเฉพาะกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว หากเกิดหล่นใส่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้เลยทีเดียว
6. อันตรายต่อสัตว์เลี้ยง
ในเมื่อคุณเป็นคนรักสัตว์ที่มีหมาหรือแมวอยู่ด้วย ก็ต้องระวังเรื่องการเลือกปลูกต้นไม้อยู่สักหน่อย เพราะไม้ประดับบางชนิดก็ไม่ถูกกับสัตว์เอาซะเลย เช่น ปาล์มสาคู ซึ่งมีพิษในทุก ๆ ส่วน มากพอจะทำอันตรายกับสุนัขและแมวได้ถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นพืชมีพิษบางชนิดอาจมาพร้อมรูปร่างเรียวยาวที่ดึงดูดให้แมวแสนซนของคุณเข้าไปเล่นกับมันจนเป็นอันตรายได้อีกด้วย
เชื่อหรือยังล่ะว่าการปลูกไม้ประดับในบ้านนั้นเป็นอันตรายมากกว่าที่ตาเห็น จนเราไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว ฉะนั้นถ้าอยากเติมสีเขียวให้บ้านจริง ๆ และยังไม่มั่นใจว่าจะปลูกดีหรือไม่ ก็ลองใช้รูปภาพแทนไปก่อน แล้วเก็บต้นไม้ดอกไม้สวย ๆ พวกนี้ไว้ตกแต่งสวนข้างนอกก็ได้นะจ๊ะ
1. แมลงน่าขนลุก
ก่อนจะนำต้นไม้เข้ามาในบ้าน ต้องแน่ใจด้วยนะว่ามันมาพร้อมแค่ชีวิตเดียวที่คุณต้องการจริง ๆ ไม่ใช่มีแขกไม่ได้รับเชิญติดมาด้วย อย่างพวกแมลงน่าขนลุกจำพวกแมงมุมอะไรพวกนี้ ซึ่งไม้ประดับที่คุณเอาเข้ามาอาจมีแมลงเหล่านี้ติดอยู่ด้วย หรือเป็นตัวดึงดูดแมลงเข้ามาในบ้านภายหลังก็ได้ และคุณคงไม่อยากอยู่ร่วมกับพวกมันให้เกิดอันตรายหรอกจริงไหม?
2. พิษร้ายที่ซ่อนอยู่
ใครว่าดอกไม้สวยหวานน่าทะนุถนอมเหมือนกันหมด บางดอกแม้จะมีสีสันหน้าตางดงาม แต่อาจมาพร้อมพิษร้ายที่แฝงอยู่ก็ได้ ซึ่งแม้พิษของมันอาจไม่มากพอจะทำร้ายคุณให้เป็นอันตราย แต่ก็อาจทำร้ายลูกน้อยที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงได้เหมือนกัน โดยจากการวิจัยของ American Association of Poison Control Centers พบว่าแม้กระทั่งดอกไม้ที่ดูน่าทะนุถนอมอย่างอาซาเลียหรือกุหลาบพันปี รวมทั้งดอกไฮเดรนเยียก็มีพิษซ่อนอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ
3. อาการภูมิแพ้ทรุดลงกว่าเดิม
สำหรับบ้านที่มีคนเป็นโรคภูมิแพ้อาศัยอยู่ด้วย ยิ่งต้องระวังเรื่องการเอาไม้ประดับเข้ามาแต่งบ้านขึ้นไปอีก เพราะละอองจากเกสรดอกไม้พวกนี้จะไปเป็นตัวการทำให้โรคภูมิแพ้ยิ่งทรุดลง จนยิ่งทรมานเสียเปล่า ๆ แถมพืชบางชนิดยังทำให้คนผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคืองอย่างหนักได้อีกด้วย ทางที่ดีเอาไม้ประดับสวย ๆ พวกนี้ไว้นอกบ้านดีกว่านะ
4. บ่อเกิดของเชื้อรา
ต้นไม้ที่ถูกปลูกอยู่ในบ้านมักจะอับชื้น จากการที่ปลูกอยู่ในกระถางซึ่งไม่มีรูให้น้ำออก ผิดกับแบบที่ปลูกนอกบ้านซึ่งมีกระถางเจารูระบายน้ำลงพื้นดินไปได้เลย ต้นไม้ในบ้านจึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อราได้เป็นอย่างดี แถมหากรดน้ำมากเกินไปแล้วอบอยู่ในบ้าน ต้นไม้ก็อาจเป็นตัวการก่อกลิ่นเหม็นแทนที่จะสร้างความสดชื่นเสียด้วยซ้ำ
5. หนามแหลมคมจนทิ่มตำ
หลาย ๆ คนอาจนิยมปลูกกระบองเพชรเพราะเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ไม่จำเป็นต้องคอยดูแลเอาใจใส่มาก หรือดอกกุหลาบสวย ๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น แต่คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าต้นไม้จำพวกนี้ก็มาพร้อมกับอันตรายด้วยเหมือนกัน เพราะหนามแหลมคมของมันอาจทำให้บาดเจ็บได้ โดยเฉพาะกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว หากเกิดหล่นใส่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้เลยทีเดียว
6. อันตรายต่อสัตว์เลี้ยง
ในเมื่อคุณเป็นคนรักสัตว์ที่มีหมาหรือแมวอยู่ด้วย ก็ต้องระวังเรื่องการเลือกปลูกต้นไม้อยู่สักหน่อย เพราะไม้ประดับบางชนิดก็ไม่ถูกกับสัตว์เอาซะเลย เช่น ปาล์มสาคู ซึ่งมีพิษในทุก ๆ ส่วน มากพอจะทำอันตรายกับสุนัขและแมวได้ถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นพืชมีพิษบางชนิดอาจมาพร้อมรูปร่างเรียวยาวที่ดึงดูดให้แมวแสนซนของคุณเข้าไปเล่นกับมันจนเป็นอันตรายได้อีกด้วย
เชื่อหรือยังล่ะว่าการปลูกไม้ประดับในบ้านนั้นเป็นอันตรายมากกว่าที่ตาเห็น จนเราไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว ฉะนั้นถ้าอยากเติมสีเขียวให้บ้านจริง ๆ และยังไม่มั่นใจว่าจะปลูกดีหรือไม่ ก็ลองใช้รูปภาพแทนไปก่อน แล้วเก็บต้นไม้ดอกไม้สวย ๆ พวกนี้ไว้ตกแต่งสวนข้างนอกก็ได้นะจ๊ะ
เทคนิคตกแต่งห้อง ที่เด็กหอไม่ควรพลาด
ตกแต่งห้องสำหรับเด็กหอ เป็นเทคนิคที่เหล่าเด็กหอไม่ควรพลาด เพราะเป็นการตกแต่งห้องสำหรับเด็กหอที่จะตอบโจทย์ของห้องขนาดเล็กได้ ซึ่งเมื่อต้องย้ายเข้าหอพักไปใช้ชีวิตตามลำพัง แม้จะแอบเหงาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะนั่งเศร้าเหงา ๆ คนเดียวเพราะคิดถึงคนที่บ้านอีกแล้ว ลองลุกขึ้นมาจัดห้องในหอพักของตัวเองเสียใหม่ให้น่าอยู่กันดีกว่า จะได้สวยอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน และช่วยฆ่าเวลาในยามเหงาได้ด้วย ถ้าอยากรู้ก็ไปดูกันดีว่ามีอะไรที่เด็กหอสามารถจะตกแต่งในพื้นที่เล็ก ๆ ได้บ้าง
1. โดดเด่นด้วยสีสัน
ช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานแบบนี้คงไม่มีอะไรจะเจ๋งไปกว่าการตกแต่งห้องด้วยสีสันแห่งความสดใสที่เหมาะสมกับวัยเป็นที่สุด โดยอาจจะใช้สีตามอารมณ์หรือความชอบส่วนตัวก็ได้ อย่างเช่น สีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบาย สีฟ้าอ่อน ๆ ช่วยกล่อมให้นอนหลับฝันดี สีแดงหรือสีเหลืองเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เป็นต้น โดยการใช้สีเหล่านี้มีข้อปฏิบัติง่าย ๆ ก็คือ เลือกใช้โทนสีเดียวกันไล่ระดับความอ่อนเข้มได้ แต่ไม่ควรเลือกสีที่มีความหลากหลายมากเกินไปเท่านั้นเอง
2. คิดเล็กคิดน้อย
เนื่องจากภายในห้องหอส่วนใหญ่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ควรเลือกเท่าที่จำเป็นก็พอ ได้แก่ โต๊ะทำการบ้าน เตียงนอน และตู้เสื้อผ้า เป็นต้น ส่วนที่สำหรับเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ กับของกระจุกกระจิกรวบรวมใส่ตระกร้า ตะขอแขวน ตู้ลอย หรือตู้ติดผนังแทน นอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องแล้ว ยังง่ายต่อการหยิบใช้ แถมไม่ต้องรบกวนพื้นที่ของรูมเมทด้วย
3. เครื่องรางนำโชค
เด็กหออาจจะมีเรื่องเครียดมากมาย โดยเฉพาะน้องใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่หมาด ๆ นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมเพื่อน ๆ แล้ว ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างไปจากเดิม ฉะนั้นการตกแต่งห้องด้วยเครื่องรางของนำโชคประจำตัวจะช่วยลดความกังวล ความตึงเครียดเหล่านี้ออกไปพร้อม ๆ กับเพิ่มความมั่นใจ และเสริมสร้างพลังกายพลังใจในการต่อสู้กับทุกปัญหาที่เข้ามา
4. แต่งด้วยของที่ชอบ
ห้องหอที่ว่างโล่งอาจจะดูโปร่งสบายก็จริง แต่อาจจะทำให้รู้สึกเหงาได้ง่าย ๆ เมื่อต้องอยู่คนเดียว ฉะนั้นหาสิ่งอุ่นใจมาอยู่ร่วมห้องด้วยน่าจะดีกว่า โดยการนำของที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมาตกแต่ง อย่างเช่น ตุ๊กตาหมี โปสเตอร์รูปการ์ตูน ภาพวาด หรือถ้าหากมีเวลาว่างก็ทำของประดับด้วยตัวเองเสียเลย ไม่เพียงแต่จะได้ของสวย ๆ โดนใจมาตกแต่งเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ไปพร้อมกันด้วย
5. แสดงความเป็นเจ้าของ
สำหรับคนที่ต้องอยู่ร่วมกับรูมเมทอาจจะแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนด้วยการประดับผนังบริเวณด้านบนของหัวเตียงด้วยการนำอักษรของชื่อตัวเองมาติด เรียงรายกันไปจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษพร้อมกับตกแต่งด้วยรูปการ์ตูนน่ารัก ๆ อีกสองสามตัว ส่วนอีกหนึ่งวิธีก็คือการนำรูปภาพของคนในครอบครัว เพื่อน มาประดับก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังลดอาการโฮมซิก แถมเรียกกำลังใจในการเรียนให้กับตัวเองไปในตัว
ถึงแม้ห้องในหอพักจะเป็นที่อยู่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวไม่เหมือนกับห้องส่วนตัวที่บ้าน แต่การตกแต่งภายในห้องให้น่าอยู่ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หากเพิ่มเติมสีสันและของประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปเพื่อให้ห้องน่าอยู่ขึ้น เพราะอย่าลืมว่าเราจะต้องอยู่ภายในพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ไปตลอดปีการศึกษา อีกทั้งเวลามีแขกไปใครมาจะได้รู้สึกประทับใจในความคิดสุดครีเอทของห้องเราด้วย
ช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานแบบนี้คงไม่มีอะไรจะเจ๋งไปกว่าการตกแต่งห้องด้วยสีสันแห่งความสดใสที่เหมาะสมกับวัยเป็นที่สุด โดยอาจจะใช้สีตามอารมณ์หรือความชอบส่วนตัวก็ได้ อย่างเช่น สีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบาย สีฟ้าอ่อน ๆ ช่วยกล่อมให้นอนหลับฝันดี สีแดงหรือสีเหลืองเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เป็นต้น โดยการใช้สีเหล่านี้มีข้อปฏิบัติง่าย ๆ ก็คือ เลือกใช้โทนสีเดียวกันไล่ระดับความอ่อนเข้มได้ แต่ไม่ควรเลือกสีที่มีความหลากหลายมากเกินไปเท่านั้นเอง
เนื่องจากภายในห้องหอส่วนใหญ่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ควรเลือกเท่าที่จำเป็นก็พอ ได้แก่ โต๊ะทำการบ้าน เตียงนอน และตู้เสื้อผ้า เป็นต้น ส่วนที่สำหรับเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ กับของกระจุกกระจิกรวบรวมใส่ตระกร้า ตะขอแขวน ตู้ลอย หรือตู้ติดผนังแทน นอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องแล้ว ยังง่ายต่อการหยิบใช้ แถมไม่ต้องรบกวนพื้นที่ของรูมเมทด้วย
เด็กหออาจจะมีเรื่องเครียดมากมาย โดยเฉพาะน้องใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่หมาด ๆ นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมเพื่อน ๆ แล้ว ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างไปจากเดิม ฉะนั้นการตกแต่งห้องด้วยเครื่องรางของนำโชคประจำตัวจะช่วยลดความกังวล ความตึงเครียดเหล่านี้ออกไปพร้อม ๆ กับเพิ่มความมั่นใจ และเสริมสร้างพลังกายพลังใจในการต่อสู้กับทุกปัญหาที่เข้ามา
ห้องหอที่ว่างโล่งอาจจะดูโปร่งสบายก็จริง แต่อาจจะทำให้รู้สึกเหงาได้ง่าย ๆ เมื่อต้องอยู่คนเดียว ฉะนั้นหาสิ่งอุ่นใจมาอยู่ร่วมห้องด้วยน่าจะดีกว่า โดยการนำของที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมาตกแต่ง อย่างเช่น ตุ๊กตาหมี โปสเตอร์รูปการ์ตูน ภาพวาด หรือถ้าหากมีเวลาว่างก็ทำของประดับด้วยตัวเองเสียเลย ไม่เพียงแต่จะได้ของสวย ๆ โดนใจมาตกแต่งเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ไปพร้อมกันด้วย
สำหรับคนที่ต้องอยู่ร่วมกับรูมเมทอาจจะแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนด้วยการประดับผนังบริเวณด้านบนของหัวเตียงด้วยการนำอักษรของชื่อตัวเองมาติด เรียงรายกันไปจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษพร้อมกับตกแต่งด้วยรูปการ์ตูนน่ารัก ๆ อีกสองสามตัว ส่วนอีกหนึ่งวิธีก็คือการนำรูปภาพของคนในครอบครัว เพื่อน มาประดับก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังลดอาการโฮมซิก แถมเรียกกำลังใจในการเรียนให้กับตัวเองไปในตัว
ถึงแม้ห้องในหอพักจะเป็นที่อยู่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวไม่เหมือนกับห้องส่วนตัวที่บ้าน แต่การตกแต่งภายในห้องให้น่าอยู่ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หากเพิ่มเติมสีสันและของประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปเพื่อให้ห้องน่าอยู่ขึ้น เพราะอย่าลืมว่าเราจะต้องอยู่ภายในพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ไปตลอดปีการศึกษา อีกทั้งเวลามีแขกไปใครมาจะได้รู้สึกประทับใจในความคิดสุดครีเอทของห้องเราด้วย
ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดภาระค่าใช้จ่าย
วันที่อุณหภูมิสูงแตะ 40 องศาในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของแต่ละบ้านก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะอุปกรณ์ประเภททำความเย็นอย่าง เครื่องปรับอากาศ และพัดลม ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่อง จึงควรหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็จะช่วยประหยัดรายจ่ายในส่วนนี้ได้ วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามาฝากกัน เพื่อต้อนรับหน้าร้อนที่ร้อนสุด ๆ
1. เครื่องปรับอากาศ
ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่เครื่องปรับอากาศยิ่งทำงานหนักมากขึ้นเป็นเท่าตัว เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้นเพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเอาไว้ โดยควรถอดตะแกรงกรองฝุ่นออกมาล้างบ่อย ๆ วิธีการทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดฝาครอบด้านหน้าขึ้นมา แล้วปลดตัวล็อก หรือนอตยึดตะแกรงออก จากนั้นนำตะแกรงไปล้างด้วยน้ำสบู่ พร้อมกับใช้แปรงขัดเบา ๆ และทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง จากนั้นใช้ลมเย็นเป่า หรือนำไปตากแดดให้แห้งเท่านั้นเอง อ๊ะ ๆ แต่ก่อนจะทำอย่าลืมสับคัทเอาท์ลงก่อนนะ
2. พัดลมเพดาน
เพื่อป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจายควรเริ่มจากการใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เก็บกวาดเศษผงบนใบพัดให้สะอาดเสียก่อน และเนื่องจากบริเวณขอบของใบพัดจะมีฝุ่นเกาะหนากว่าส่วนอื่น ๆ ฉะนั้นให้ใช้ปลอกหมอนคลุมแล้วค่อย ๆ เช็ดฝุ่นออกจนสะอาด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ ทำความสะอาดซ้ำอีกหนึ่งรอบ สำหรับพัดลมเพดานในห้องครัวถ้าหากมีคราบน้ำมันติดอยู่ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำผสมเบกกิ้งโซดาหรือน้ำยาล้างจาน ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อ 1 ลิตร ก่อนทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอีกรอบ จะช่วยให้พัดลมเพดานไม่มีฝุ่นเกาะแน่นจนพัดลมเย็นได้ไม่เต็มที่
3. พัดลมตั้งพื้น
การถอดล้างพัดลมตั้งพื้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แค่เพียงถอดตะแกรงด้านหน้าออกมา จากนั้นคลายเกลียวตัวล็อกที่อยู่ตรงกลางใบพัดออก แล้วนำส่วนประกอบทั้งหมดไปล้างด้วยน้ำสบู่ ได้แก่ ตะแกรงพัดลมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวล็อกใบพัด ใบพัด และตัวล็อกตะแกรงด้านหลัง หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสนิททุกซอกทุกมุมก่อนนำไปประกอบกลับที่เดิม เท่านี้พัดลมก็จะสะอาดไม่มีฝุ่นเกาะ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้วจ้า
4. เตาปิ้ง
ปาร์ตี้บาร์บีคิวกิจกรรมยอดฮิตของหน้าร้อนที่ขาดไม่ได้ แต่หลังจากที่ปิ้งย่างกันเสร็จแล้ว ให้ใช้แปรงขัดคราบอาหารออกในขณะที่ตะแกรงยังอุ่น ๆ อยู่ จากนั้นผสมน้ำกับน้ำส้มสายชู ในอัตรา 1 ต่อ 1 ถ้วย แล้วฉีดลงไปบนตะแกรงทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีเพื่อให้คราบพองตัวออกมา จากนั้นขัดออกด้วยแปรงอีกครั้ง พร้อมกับล้างด้วยน้ำสะอาด และวางทิ้งไว้ 1 วัน เพื่อให้กลิ่นน้ำส้มสายชูจางลงก่อนที่จะนำไปเก็บ จะช่วยให้ไม่ต้องออกแรงขัดและยืดอายุให้เตาปิ้งใช้ในนานขึ้นด้วย
5. ตู้เย็น
ก่อนอื่นถอดปลั๊กตู้เย็นออกเสียก่อน จากนั้นนำสิ่งของและอาหารภายในตู้ออกมาให้หมด แล้วถอดชั้นวางของ กับตะแกรงต่าง ๆ ที่สามารถอดได้ ออกมาล้างให้สะอาด ส่วนภายในตู้เช็ดด้วยเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อ 1 ลิตร ในกรณีที่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นอับให้นำถ่าน เบกกิ้งโซดา หรือผงกาแฟบดใส่ถ้วยนำไปวางไว้ในมุมตู้ นอกจากนี้หากพบว่ายางขอบตู้เสื่อมสภาพควรจะรีบเปลี่ยนทันที เพื่อให้ตู้เย็นทำงานได้ดีขึ้น จะได้ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะให้เปลืองไฟ
หลังจากที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานาน หน้าร้อนนี้คงเป็นเวลาที่ดีที่จะได้ลงมือทำเสียที เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่มากขึ้นแล้ว การทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายตอนสิ้นเดือนได้ด้วยนะคะ
1. เครื่องปรับอากาศ
ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่เครื่องปรับอากาศยิ่งทำงานหนักมากขึ้นเป็นเท่าตัว เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้นเพื่อคงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเอาไว้ โดยควรถอดตะแกรงกรองฝุ่นออกมาล้างบ่อย ๆ วิธีการทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดฝาครอบด้านหน้าขึ้นมา แล้วปลดตัวล็อก หรือนอตยึดตะแกรงออก จากนั้นนำตะแกรงไปล้างด้วยน้ำสบู่ พร้อมกับใช้แปรงขัดเบา ๆ และทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง จากนั้นใช้ลมเย็นเป่า หรือนำไปตากแดดให้แห้งเท่านั้นเอง อ๊ะ ๆ แต่ก่อนจะทำอย่าลืมสับคัทเอาท์ลงก่อนนะ
2. พัดลมเพดาน
เพื่อป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจายควรเริ่มจากการใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เก็บกวาดเศษผงบนใบพัดให้สะอาดเสียก่อน และเนื่องจากบริเวณขอบของใบพัดจะมีฝุ่นเกาะหนากว่าส่วนอื่น ๆ ฉะนั้นให้ใช้ปลอกหมอนคลุมแล้วค่อย ๆ เช็ดฝุ่นออกจนสะอาด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ ทำความสะอาดซ้ำอีกหนึ่งรอบ สำหรับพัดลมเพดานในห้องครัวถ้าหากมีคราบน้ำมันติดอยู่ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำผสมเบกกิ้งโซดาหรือน้ำยาล้างจาน ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อ 1 ลิตร ก่อนทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอีกรอบ จะช่วยให้พัดลมเพดานไม่มีฝุ่นเกาะแน่นจนพัดลมเย็นได้ไม่เต็มที่
3. พัดลมตั้งพื้น
การถอดล้างพัดลมตั้งพื้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แค่เพียงถอดตะแกรงด้านหน้าออกมา จากนั้นคลายเกลียวตัวล็อกที่อยู่ตรงกลางใบพัดออก แล้วนำส่วนประกอบทั้งหมดไปล้างด้วยน้ำสบู่ ได้แก่ ตะแกรงพัดลมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวล็อกใบพัด ใบพัด และตัวล็อกตะแกรงด้านหลัง หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสนิททุกซอกทุกมุมก่อนนำไปประกอบกลับที่เดิม เท่านี้พัดลมก็จะสะอาดไม่มีฝุ่นเกาะ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้วจ้า
4. เตาปิ้ง
ปาร์ตี้บาร์บีคิวกิจกรรมยอดฮิตของหน้าร้อนที่ขาดไม่ได้ แต่หลังจากที่ปิ้งย่างกันเสร็จแล้ว ให้ใช้แปรงขัดคราบอาหารออกในขณะที่ตะแกรงยังอุ่น ๆ อยู่ จากนั้นผสมน้ำกับน้ำส้มสายชู ในอัตรา 1 ต่อ 1 ถ้วย แล้วฉีดลงไปบนตะแกรงทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีเพื่อให้คราบพองตัวออกมา จากนั้นขัดออกด้วยแปรงอีกครั้ง พร้อมกับล้างด้วยน้ำสะอาด และวางทิ้งไว้ 1 วัน เพื่อให้กลิ่นน้ำส้มสายชูจางลงก่อนที่จะนำไปเก็บ จะช่วยให้ไม่ต้องออกแรงขัดและยืดอายุให้เตาปิ้งใช้ในนานขึ้นด้วย
5. ตู้เย็น
ก่อนอื่นถอดปลั๊กตู้เย็นออกเสียก่อน จากนั้นนำสิ่งของและอาหารภายในตู้ออกมาให้หมด แล้วถอดชั้นวางของ กับตะแกรงต่าง ๆ ที่สามารถอดได้ ออกมาล้างให้สะอาด ส่วนภายในตู้เช็ดด้วยเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อ 1 ลิตร ในกรณีที่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นอับให้นำถ่าน เบกกิ้งโซดา หรือผงกาแฟบดใส่ถ้วยนำไปวางไว้ในมุมตู้ นอกจากนี้หากพบว่ายางขอบตู้เสื่อมสภาพควรจะรีบเปลี่ยนทันที เพื่อให้ตู้เย็นทำงานได้ดีขึ้น จะได้ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะให้เปลืองไฟ
หลังจากที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานาน หน้าร้อนนี้คงเป็นเวลาที่ดีที่จะได้ลงมือทำเสียที เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่มากขึ้นแล้ว การทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายตอนสิ้นเดือนได้ด้วยนะคะ
15 มุมอ่านหนังสือแสนสบาย สำหรับเด็ก ๆ
แน่นอนว่าในการตกแต่งห้องเด็ก สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มุมอ่านหนังสือ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ แต่ลองโบกมือลาโต๊ะหนังสือแบบเดิม ๆ ไปก่อน แล้วมองหามุมอ่านหนังสือแปลกใหม่ ที่ให้ความสะดวกสบาย แถมยังน่ารักสมกับวัยช่างจินตนาการดูบ้างดีกว่า จะได้เปลี่ยนบรรยากาศง่วงเหงาหาวนอน ให้การอ่านหนังสือเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีตัวอย่างมุมอ่านหนังสือที่รวบรวมโดย เว็บไซต์ babble.com มาฝากกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นมุมอ่านหนังสือแบบง่าย ๆ ที่เพียงใช้เบาะรองนั่งสีสันสดใส กับหมอนอิงลายสวย ก็เนรมิตให้ออกมาเก๋ถูกใจได้แล้ว หรือจะใช้ไอเดียเจิดสร้างเป็นกระโจมส่วนตัว รวมถึงชิงช้าน้อย ๆ คอยแกว่งไกว ก็ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าลองไปดูไอเดียแจ่ม ๆ เหล่านั้น เพื่อเตรียมสร้างสรรค์มุมอ่านหนังสือให้เจ้าตัวน้อยกันเลยจ้า
ไม่ว่าจะเป็นมุมอ่านหนังสือแบบง่าย ๆ ที่เพียงใช้เบาะรองนั่งสีสันสดใส กับหมอนอิงลายสวย ก็เนรมิตให้ออกมาเก๋ถูกใจได้แล้ว หรือจะใช้ไอเดียเจิดสร้างเป็นกระโจมส่วนตัว รวมถึงชิงช้าน้อย ๆ คอยแกว่งไกว ก็ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าลองไปดูไอเดียแจ่ม ๆ เหล่านั้น เพื่อเตรียมสร้างสรรค์มุมอ่านหนังสือให้เจ้าตัวน้อยกันเลยจ้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
“The Remaker” เป็น Brand ของสินค้าแฟชั่นสัญชาติไทยโดยนักออกแบบชาวไทยที่มากด้วยจินตนาการและแนวคิดสร้างสรรค์ โดยเกิดจากการนำแนวคิดการออกแบบ แบ...
-
วันฮาโลวีนปีนี้ หากอยากลองจัดบ้านให้เข้ากับบรรยากาศแบบหลอน ๆ สักหน่อย ก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน และถ้าคุณเองก็เตรียมของสำห...
-
แน่นอนว่าในการตกแต่งห้องเด็ก สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มุมอ่านหนังสือ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ แต่ลองโบกมือลาโต๊ะหนังสือแบบเดิม ๆ ไปก่...
-
เมื่อพูดถึงเก้าอี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญในงานตกแต่งเลยทีเดียว ไม่เท่านั้น มันยังเป็นสิ่งที่นักออกแบบสามารถแสดงความคิดสร้างส...
-
จากสถานการณ์น้ำท่วมเกือบทุกภูมิภาคในบ้านเราขณะนี้ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตที่เราต้องช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันรวมทั้งต้องช่วยป้องกันภัยเฝ้าระวังด...
-
iUrban มี D.I.Y. ภาพติดผนังเป็นภาพถนนของเมืองที่เราเคยไป จะทำเป็นของขวัญวาเลนไทน์ เอาเมืองที่ไปปิ๊งกับหวานใจ หรือเมืองที่สร้างความประทับใจไม...
-
Toshiko Horiuchi MacAdam ศิลปินผู้รักในการถักทอ ได้สั่งไหมพรมจำนวนมากเป็นตันๆ เพื่อที่จะสร้างผลงานอันสุดแสนสร้าสรรค์ และใช้ความอุตสาหะอย่าง...
-
ทุกวันนี้การจับจ่ายใช้สอยของมนุษย์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างเช่น นิยมทำธุรกรรมทางการเงินบนอินเตอร์เน็ตมากขึ้น วันนี้เราเลยมีเทคโนโลยีจากบริษัทที...
-
เพื่อนๆหลายคนเตรียมหาของขวัญวันวาเลนไทน์นี้กันแล้วรึยัง ถ้ายังลองมาดูนาฬิกาสีสันน่ารักๆ สำหรับสาวๆ ที่ Iurban เอามาฝากวันนี้ดีกว่า เผื่อเป็น...
-
"ช้อนคันเล็ก" คือคาเฟ่่สีละมุนที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของอาคารย่านอโศก หนึ่งในเส้นถนนที่คึกคักจอแจด้วยการจราจรสุดคับคั่งติดอับดับต้...